129298 จำนวนผู้เข้าชม |
(สมเด็จองค์ปฐม วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี)
ประวัติและการสร้างสมเด็จองค์ปฐม (พระพุทธเจ้าพระองค์แรก) จากหนังสือของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
สมเด็จองค์ปฐม ท่านเป็น พระพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลก ทรงพระนาม สมเด็จพระพุทธสิกขี เนื่องจากพระพุทธ เจ้า ได้ตรัสรู้แล้วมากมายนับได้แสนองค์ ฉะนั้นพระนามของพระองค์จึงซ้ำกัน โดยเฉพาะพระนามสมเด็จพระพุทธสิกขี มีด้วยกัน 5 พระองค์ จึงได้ขนานนามของสมเด็จองค์ปฐมว่า สมเด็จพระพุทธสิกขีที่ 1 จึงนับได้ว่า พระพุทธองค์ ทรงเป็น สมเด็จองค์ปฐมบรมครู อย่างแท้จริง
สมัยที่พระพุทธองค์ ได้ทรงอุบัติในโลกมนุษย์ ซึ่งขณะนั้น คนมีอายุขัยประมาณ 8 หมื่นปี พระพุทธองค์ทรงผนวชออกมหาภิเนษกรมณ์ เมื่อพระชนมายุได้ 4 หมื่นปี หลังจากผนวชได้ 2 หมื่นปี จึงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้ เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลก พระพุทธองค์ทรงโปรดเวไนยสัตว์ ประมาณ 2 หมื่นปี จึงได้เสด็จดับขันธปรินิพาน
พระพุทธองค์ ทรงใช้เวลาอันยาวนานถึง 40 อสงไขยกัปเศษ ในการบำเพ็ญพระบารมี เพื่อแสวงหาพระโพธิญาณ ด้วยพระองค์เองทรงใช้เวลาอันยาวนานในการบำเพ็ญพระบารมี เนื่องจากพระพุทธองค์เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรก จึงไม่มีแบบอย่างที่จะให้พระพุทธองค์ ได้ศึกษาเป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อบรรลุ พระโพธิญาณ ระยะเวลาที่บำเพ็ญพระบารมี จึงใช้ ถึง 40 อสงไขยกัปเศษ
การพบสมเด็จองค์ปฐม ครั้งแรกของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เมื่อประมาณ พ.ศ.2511
คืนหนึ่ง พระเดชพระคุณหลวงพ่อกำลังสอนพระกรรมฐาน และเมื่อเสร็จจากการแนะนำ ก็ได้ทำสมาธิ ก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน ปรากฏขึ้น คือเห็นพระพุทธเจ้าในปางพระนิพพานทรงยืน สองแถวยาวเหยียดไป
ข้างหน้าแล้ว ก็พนมมือ พระเดชพระคุณหลวง พ่อมีความรู้สึกในใจว่า บางทีอาจจะเป็น อุปาทาน เพราะว่า พระพุทธเจ้า ไม่เคยก้มศรีษะให้ใคร แม้แต่บ้านเรือน เล็กๆ หลังคา ตํ่าๆ หาก พระพุทธองค์เสด็จเข้าไป หลังคาก็จะสูงขึ้นเอง แต่เวลานี้เห็น พระพุทธเจ้ายืนพนมมือ เมื่อนึกเพียงนี้ ก็เห็นภาพหลวงปู่ปาน ปรากฏขึ้นข้างหน้า
หลวงปู่ปานท่านบอกว่า
" คุณ..ไม่ใช่อุปาทาน ประเดี๋ยวพระพุทธเจ้าองค์ปฐมจะเสด็จมา "
อีกประมาณ 5 นาที ปรากฏว่ามีพระพุทธเจ้าอีกองค์ รูปร่างท่านใหญ่โตมาก สูงมาก มาในรูป ของปางพระนิพพาน เดินมาระหว่างช่องกลาง พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
ก้มศรีษะ แสดงความเคารพ พอพระองค์ เดินไปถึง พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ทรงตรัสว่า " ข้าจะนั่งที่ไหนหว่า... ในเมื่อไม่มีที่นั่ง ข้าก็เอาหัวแกเป็นแท่นก็แล้วกัน "
พระพุทธองค์ ก็เลยนั่งบนหัว ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ แล้วทรงตรัสกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า"นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ก่อนที่แกจะสอนพระกรรมฐานก็ดี จะพูดธรรมก็ดี บอกฉันก่อน ฉันจะให้พูดตอนไหน จะให้เทศน์ตอนไหนให้ว่าตามนั้น"
เป็นอันว่าเมื่อใดก็ตาม ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเทศน์ก็ดี สอนพระกรรมฐานก็ดี สอนธรรมก็ดี พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ไม่เคยได้พูดตามใจคิดเลย เป็นเพราะพระพุทธองค์ ท่านดลใจ ให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อพูด และแนะนำธรรม ซึ่งบางครั้ง อาจจะไม่เป็นที่ถูกใจของทุกคน เพราะพระพุทธองค์ ท่านอาจจี้จุด เฉพาะคนใดคนหนึ่ง แต่บางคน อาจจะไม่ถูกใจก็ได้ นี่เป็นเรื่องธรรมดา พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็คิดว่า เมื่อพระพุทธองค์ท่านมีบุญคุณอย่างนี้ จึงคิดที่จะหล่อรูปของท่าน
ต่อมาเมื่อ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ได้เจริญพระกรรมฐานแล้ว จึงได้อาราธนาสมเด็จองค์ปฐม ขอพบพระพุทธองค์ท่าน ก็ปรากฏให้เห็น ทรวดทรงสวยงามมาก หน้าของท่านอิ่ม เหมือนรูปไข่ แก้มอิ่ม ทรงยิ้มน้อยๆ ริมฝีปาก ไม่บุ๋ม ไม่เหมือน พระพุทธเจ้าที่เขาปั้นกัน จะพบว่าช่างเขาปั้นแก้มตรงปากจะบุ๋มลงไป
แล้วสมเด็จองค์ปฐม ก็แสดงรูปร่าง สมัยเป็นมนุษย์ และก็เปลี่ยนมาเป็น ปางพระนิพพาน พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ก็ถามว่า ถ้าจะปั้นรูปของพระองค์ จะให้ปั้นแบบไหน จะให้ ปั้นปางพระนิพพานหรือมนุษย์ พระพุทธองค์บอกว่า ให้ปั้นแบบนี้ก็แล้วกัน พระพุทธองค์ทรงแสดงภาพให้ดู เป็นเหมือนกับ พระพุทธรูป และมีเรือนแก้ว แบบพระพุทธชินราช รูปที่ทรงให้ปั้น ไม่เหมือนกับ รูปจริงของท่าน แต่พระองค์ท่านต้องการ ให้ปั้น แบบที่ท่านต้องการ พระพุทธองค์ได้มาแสดงภาพ ให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อดูถึง 3 วัน ติดๆ กัน วันละประมาณ 1 ชั่วโมง พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ก็ได้ดูอย่างละเอียด แต่ก็คิดในใจว่า ช่างเขาปั้น แต่เขาไม่เห็นภาพ เขาจะปั้นได้ไม่เหมือน จึงได้ขอบารมีพระองค์ท่าน เวลาช่างปั้น ขอได้โปรดดลใจ ให้เป็นไปตามพระพุทธประสงค์ พระองค์ท่านก็ยอมรับ
คัดย่อจากหนังสือ มรดกของพ่อ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
วัดจันทราราม ( วัดท่าซุง ) จ.อุทัยธานี